worldchanger.media
- เข้ารักษากับ "หน่วยบริการใหม่" ได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้เกิดสิทธิทุกวันที่ 15 และ 28 เหมือนปีก่อน - ประชาชนเลือกหน่วยบริการเองผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. เช็กสิทธิบัตรทอง 2564 หากคุณไม่ทราบสิทธิบัตรทองของตัวเองนั้นอยู่กับสถานพยาบาลใด มีวิธีเช็ก 2 วิธี คือ 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ กรอกเลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด และข้อความตัวอักษรเพื่อเข้าสู่ระบบเช็กสิทธิบัตรทอง 2. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "สปสช. " เพื่อเช็กสิทธิหน่วยบริการบัตรทอง วิธีสมัครบัตรทอง 2564 หากต้องการสมัครสิทธิ "บัตรทอง" หรือ "บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า" ให้กับคนในครอบครัว เตรียมเอกสารและไปสมัครได้ที่สำนักงานเขต ในกรุงเทพมหานคร และสำนักงานบัตรทองใกล้บ้าน รวมถึงสมัครบัตรทองออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. ก็ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. เตรียมเอกสาร 2. ตรวจสอบสถานพยาบาลบัตรทองใกล้บ้าน ( คลิกที่นี่) 3. ตรวจสอบสถานะการสมัคร และสถานพยาบาลที่เกิดสิทธิ ทําบัตรทองใช้เอกสารอะไรบ้าง เอกสารขอทำบัตรทองมี 2 อย่าง ได้แก่ 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้าผู้ทำบัตรทองเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สูติบัตร) 2. สำเนาทะเบียนบ้าน กรณีที่อยู่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน ใช้เอกสารเพิ่ม 2 อย่าง ได้แก่ 1.
รัฐหรือรพ. เอกชน(ที่เข้าร่วม) เพื่อให้แพทย์ประเมินความพิการและออกใบรับรองความพิการ ตามกฎหมาย เมื่อได้ใบรับรองความพิการจากรพ. ให้ไปทำบัตรคนพิการที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แค่นี้เสร็จเรียบร้อยครับ เมื่อได้บัตรคนพิการมาแล้ว เรามีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวก สวัสดิการและความช่วยเหลือของรัฐตามที่กล่าวมาข้างต้น กลับสู่สารบัญ อ่านขั้นตอนการทำบัตรคนพิการอย่างละเอียดได้ที่บทความนี้เลยครับ สิทธิคนพิการ ที่ได้รับตามกฎหมาย คนพิการทั่วไปทั้งคนที่มีบัตรและไม่มีบัตรคนพิการสามารถรับ สิทธิคนพิการ ได้ดังนี้ 1. ได้รับเบี้ยคนพิการ เฉพาะผู้ที่ขึ้นทะเบียนมีบัตรประจำตัวคนพิการถูกต้อง และมีสิทธิลงทะเบียนขอรับ "เบี้ยคนพิการ" 2562 คนละ 800 บาท/เดือน จะจ่ายเป็นเงินสดหรือจ่ายผ่านบัญชีธนาคารภายในวันที่ 10 ของทุกเดือนตลอดชีวิตและสิ้นสุดลงเมื่อคนพิการเสียชีวิต/แจ้งขอสละสิทธิ ถ้าเป็นคนพิการที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับสิทธิทั้ง "เบี้ยคนพิการ" และ "เบี้ยผู้สูงอายุ" อ่านขั้นตอนและเงื่อนไข เพื่อรับสิทธิเงินคนพิการได้ที่นี่ ส่วนผู้พิการที่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิเบี้ยผู้สูงอายุได้เพิ่ม ภาพจาก 2.
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม คนทำงานประจำ ล้วนต้องจ่ายเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคม จำนวน 5% ของเงินเดือน เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ที่จะได้รับ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แต่หลายคนก็ยังคงไม่เข้าใจกับรายละเอียดของประกันสังคมเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเรื่องของการทำบัตรประกันสังคม ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับวิธีการทำประกันสังคมมาฝาก เพื่อไขข้อข้องใจกันจ้า.. ก่อนที่จะไปรู้จักกับวิธีการทำบัตรประกันสังคม ลองมารู้จักกับประเภทของประกันสังคมกันก่อนดีกว่า ซึ่งประเภทของประกันสังคมนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ลูกจ้าง, พนักงาน) คือบุคคลที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปี ที่ทำงานประจำ และอยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยจะเป็นการส่งเงินสมทบ 5% ของเงินเดือน และนายจ้างจะทบเงินให้อีก 5% ซึ่งในส่วนนี้ทางนายจ้างจะเป็นผู้ดำเนินการทำบัตรประกันสังคมให้เอง 2. ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนแบบสมัครใจ) คือบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พนักงานที่ลาออกจากที่ทำงานเพื่อมารับทำงานอิสระ แต่เคยส่งเงินสมทบประกันสังคมไปแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ที่ประสงค์จะส่งเงินสมทบเพื่อเป็นผู้ประกันตนต่อไป จะต้องแจ้งขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ภายใน 6 เดือน หลังไม่ได้ส่งเงินสมทบในฐานะผู้ประกันตนตามมาตรา 33 3.
"บัตรทอง" มีอีกชื่อหนึ่งว่า บัตรสวัสดิการถ้วนหน้า คือ บัตรที่ทางสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช.
ติดตามข้อมูลข่าวสาร บริการ ด้านสุขภาพในทุกมิติ เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @healthserv โปรดเข้าใจว่า ไม่ได้เป็นสถานพยาบาล ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการวิชาชีพด้านแพทย์ใดๆ จึงไม่สามารถให้คำปรึกษาในด้านการแพทย์ การรักษาใดๆ ได้ในทุกๆ กรณี - เป็นสื่อที่เสนอเนื้อหาด้านสุขภาพ ได้แก่ บทความ ข่าวสาร รวมถึง ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแพคเกจ/บริการจาก รพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการต่างๆ ในประเทศไทย เท่านั้น รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับบริการ-ราคา-เงื่อนไข-วิธีการบริการ โปรดสอบถามไปยังรพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการนั้นๆ โดยตรง (ในส่วนของ รพ. /สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการ นั้น HealthServ ช่วยได้ในแง่ของข้อมูลติดต่อ สถานที่ตั้ง หรืออื่นๆ ที่เป็นข้อมูลทั่วไป)